30 พฤศจิกายน 2554

แก้ปัญหา Windows เข้าไม่ได้ ด้วย

“ไม่มีแอนตี้ไวรัสตัวไหนที่ดีที่สุด พยายามอัพเดตแอนติไวรัสอยู่เสมอหลีกเลี่ยงการเข้าเว็บที่ไม่พึงประสงค์  เลือกใช้บราวเซอร์ที่ปลอดภัย  อัพเดตวินโดวส์เป็นประจำ  แค่นี้เครื่องของคุณจะปลอดภัยครับ
                สำหรับผู้ประสบปัญหาเครื่องคอมพิวเตอร์ติดไวรัส  แก้อย่างไรก็ไม่หายไม่เกลี้ยง  ไม่หมดสักที  อาจเป็นเพราะการเลือกใช้แอนตี้ไวรัสที่มีการแคร็กแล้วโดย  Blacklist  ทำให้โปรแกรมแอนตี้ไวรัสของคุณอัพเดตไม่ได้  ซึ่งเสี่ยงต่อการติดไวรัสเป็นอย่างสูง  วันนี้เลยมาขอแนะนำโปรแกรมสแกนไวรัสแบบฉุกเฉิน  เหมาะสำหรับในกรณีที่ท่านเข้าวินโดวส์ไม่ได้แล้ว  www.free-av.com/en/products/12/avira-antivir-rescue-system.html
            Avira  Antivir  Rescue  System  ทำงานภายใต้  ระบบ  Linuxbased  application  ช่วยให้คุณสามารถจัดการกับเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณเวลาที่มีปัญหาบูตเข้า วินโดวส์ไม่ได้  ซึ่งโปรแกรมจะทำหน้าที่หลักๆได้แก่  ซ่อมแซมระบบวินโดวส์ที่เสียหาย  ปกป้องข้อมูลของท่าน  ก่อนที่จะสูญหาย  สแกนระบบทั้งหมดเพื่อค้นหา  และทำลายไวรัส
                เมื่อดาวน์โหลดเสร็จ  จะได้ไฟล์ CD rescuecd.exe ซึ่งมีขนาดไฟล์ขนาด  47 MB จากนั้นให้ใส่แผนซีดีเปล่า  และดับเบิ้ลคลิกที่ไฟล์  CD rescuecd.exe จะมีหน้าต่าง AVIRA Rescue – CD Burning  แสดงขึ้นมา  ให้คลิกปุ๋ม  Burn CD  รอ  จนกระทั่งดำเนินการเสร็จ  ก็จะได้แผ่นบูตแอนตี้ไวรัส  ซึ่งมีประสิทธิภาพในการสแกนที่ดี
                การเรียกใช้งาน  ขั้นแรกก็ให้ปรับไปออสในเครื่องคอมพิวเตอร์ให้บูตด้วยซีดี  เสร็จแล้วใส่แผ่น  Rescue-CD  เข้าไป  เมื่อมีหนเจอเมนูใน  Text Mode  คล้ายๆ  ดอสให้เรากด 1 แล้ว Enter  เพื่อเข้าสู่ตัวโปรแกรม
                ถ้ารู้สึกงงกับภาษาไม่ต้องตกใจ  เพราะโปรแกรมเป็นภาษาเยอรมัน  สามารถเปลี่ยนเป็นอังกฤษโดย  คลิกที่รูปธงชาติอังกฤษที่ปุ่มด้นซ้ายล่าง  เพียงเท่านี้ก็อ่านออกแล้ว  ถึงตรงนี้คงพร้อมสแกน  ก็คลิก  Scanner  Start  ได้เลยครับ
 
 
ขอบคุณโดยการกด --> Like , Tweet หรือ +1 ครับ

ดูแลระษาระบบด้วยโปรแกรม Scheduled Tasks

สำหรับโปรแกรม Scheduled Tasks เป็นโปรแกรมมาติดตัวกับ Windwos XP ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ช่วยดูแลรักษาระบบ  เป็นให้โปรแกรมที่สามารถตั้งเวลาแล้วให้ทำงานในเวลา  เพื่อทำการตรวจสอบได้อย่างสม่ำเสมอ  เช่นโปรแกรม CCleane การเรียกการทำงานนั้นสามารถทำได้โดยวิธีการดังนี้
1. ไปที่ Start >> All Programs >> Accessories >> System Tools คลิกที่ Scheduled Tasks

2. ดับเบิ้ลคลิก  ที่ Add Scheduled Tasks

3. Next

4. เลือกดปรแกรมที่ต้องการให้ตรวจสอบ

5. เลือกระยะเวลาในการตรวจสอบ

6. กำหนดค่าต่างๆ

 
 
ขอบคุณโดยการกด --> Like , Tweet หรือ +1 ครับ

วิธีปิด Action Center ใน Windows 7

สำหรับ Action Center ของ Windows 7 เป็นตัวที่ช่วยให้เราทราบว่าได้ถึงเวลาที่เราต้องทำอะไรอย่างเช่น Antivirus ที่ไม่ทัการอัพเดช หรืออื่นๆ เวอรืชั่นใหม่ๆ ที่มาถึงของ Windows 7 แต่ในบ้างครั้งเราไม่ต้องการหรืออาจะรู้สึกรำคาร  ผมเองก็มีขั้งตอนในการปิดด้วยนะครับ
เริ่มต้นด้วย คลิกขวา ที่ไอคอนด้านล่าง เลือก Op Action Center

แล้วเลือก Cange Action Center Settings

เอาเครื่องหมายถูกออกให้หมด  แล้วก็ Ok

 
 
ขอบคุณโดยการกด --> Like , Tweet หรือ +1 ครับ

ปรับแต่ง Win7 ให้ Boot ได้เร็วขึ้น

1. เริ่มด้วยการ  Start >>>  Search  พิมพ์ msconfig

2. เลือแท็บ Boot แล้ว คลิกที่ปุ๋ม Advanced

3. ติกเครื่องหมายถุกที่  Number Of processors แล้วเลือกเป็น 2  Ok แล้วรีสตาร์เครื่องเลยครับ

 
 
ขอบคุณโดยการกด --> Like , Tweet หรือ +1 ครับ

27 พฤศจิกายน 2554

การเลือกซื้อ เมาส์ และ คีย์บอร์ด (Mouse & Key board)

 การเลือกซื้อ เมาส์ และ คีย์บอร์ด (Mouse & Key board)
  ส่วนมากคีย์บอร์ดและเมาส์นั้นมีอายุการใช้งานโดยเฉลี่ยสูงกว่าคอมพิวเตอร์ การเลือกซื้อคีย์บอร์ดและเมาส์จึงต้องพิจารณาให้ดีก่อน เพราะเราต้องใช้ไปอีกนาน ซึ่งการเลือกซื้อเพื่อใช้งานนั้นเป็นเรื่องยากพอสมควร แต่เราได้แบ่งหมวดหมู่ย่อยลงไปเพื่อให้เพื่อนๆสามารถเลือกคีย์บอร์ดและเมาส์ ได้เหมาะสมกับการใช้งานได้มากที่สุด 1. แบบโค้ง หรือแบบมาตรฐาน

            
                       แบบโค้งนั้นได้มีการออกแบบเพื่อเข้ากับรูปทรงตามธรรมชาติของมือและข้อมือ และในบางรุ่นอาจจะมีที่พักมือและรองข้อมือด้วย แต่บางคนอาจจะคุ้นเคยกับคีย์บอร์ดแบบมาตรฐานกันมากกว่า

2. สำหรับเล่นเกม หรือ แบบใช้งานปกติทั่วไป

                    

          ความละเอียดแม่นยำของเมาส์นั้นปกติทั่วไปจะมีความไวที่ 800dpi แต่สำหรับคนที่เล่นเกมนั้นจะมีค่าสูงกว่า 2,000dpi อาจจะสูงถึง 5,000 dpi สำหรับนักเล่นเกมมืออาชีพ และอาจจะมีปุ่มเพิ่มขึ้นมาข้างๆเมาส์ เพื่อเพิ่มฟังก์ชั่น Short cut มากขึ้นด้วย ส่วนสำหรับคีย์บอร์ดเล่นเกมนั้นควรจะมีระบบรองรับการกระแทก ทนทาน และมีคุณสมบัติแบบมัลติมีเดียมากขึ้น หรือมีปุ่มพิเศษเพิ่มขึ้นมา เพื่อปรับแต่งค่าต่างๆให้สะดวกมากขึ้นด้วย
3. เลเซอร์ หรือ ออฟติค
                              
            ถ้าจะใช้งานในระดับสูงกว่าทั่วไปนั้นเช่น การเล่นเกมหรืองานกราฟฟิคดีไซน์ แนะนำให้ใช้แบบเลเซอร์จะดีกว่าเพราะว่าแบบออฟติคคอลนั้นไม่สามารถใช้งานบน พื้นที่ผิวทุกรูปแบบ
แบบออฟติคคอลนั้นราคาจะถูกกว่าและเหมาะสมกับการใช้งานทั่วไป

4. มีสาย หรือไร้สาย

  
             

                                            

             พื้นที่ที่วางคีย์บอร์ดและเมาส์ของคุณนั้นกว้างขนาดไหน ในบางครั้งสายคีย์บอร์ดหรือเมาส์อาจจะไปเกี่ยวหรือติดกับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ อื่นๆ  ยิ่งถ้าต้องการใช้สมาธิในการทำงานหรือเล่นเกมมากๆ อาจจะทำให้คุณรู้สึกหงุดหงิดได้ ซึ่งตรงจุดนี้คีย์บอร์ดและเมาส์แบบไร้สายนั้นจะช่วยแก้ปัญหาตรงจุดนี้ได้ แต่อย่างไรก็ตามต้องพิจารณาถึงเรื่องของราคา และแบตเตอรี่
เพราะแบบไร้สายจะแพงกว่าแบบมีสายและต้องดูถึงแบตเตอรี่ว่าสามารถชาร์จได้หรือไม่ด้วย

รูปแบบการเชื่อมต่อ

  • เชื่อมต่อแบบปกติทั่วไป หัวแบบวงกลม เวลามีปัญหาถอดเข้า-ออก อาจจำเป็นต้องรีสตาร์ทเครื่องคอมพิวเตอร์ใหม่
  • เชื่อมต่อแบบ USB สะดวก มีปัญหาก็ถอดเข้า-ออกได้ทันที ไม่ต้องรีสตาร์ทเครื่องคอมพิวเตอร์ใหม่
  • เชื่อมต่อแบบ Wireless หรือไร้สาย สะดวก แต่ราคาค่อนข้างแพง แถมยังจำเป็นต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่อีกด้วย
 
ขอบคุณโดยการกด --> Like , Tweet หรือ +1 ครับ

การเลือกซื้อ ฮาร์ดดิส (Hard Disk)

 การเลือกซื้อ ฮาร์ดดิส (Hard Disk)
สำหรับฮาร์ดดิสก์เป็นอุปกรณ์ชนิดหนึ่งที่จัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่มาก  เพราะฉะนั้นแล้วจึงมีการเลือกซื้อให้เหาะสมกับความต้องการของเรา  ในปัจจุบันฮาร์ดดิสก์ได้มีราคาต่อความจุถูกมาก  และมีความเร็วที่แตกต่างกัน  จะข้อแนะนำการเลือกซื้อดังต่อไปนี้
1.ประเภทของ ฮาร์ดดิสก์
ฮาร์ดดิสก์ที่ใช้ๆ กันอยู่ในปัจจุบันมีอยู่ 2 ประเภทด้วยกัน  คือ  (สำหรับฮาร์ดดิสก์ที่เชื่อมต่อภายนอกจะขอกล่าวในลำดันถัดไป)
- แบบ IDE เป็นฮาร์ดดิสก์ ที่จะบอกว่ารุ่นเก่าแล้วก็ว่าได้  เพราะว่ามีรุ่นใหม่ที่เร็วกว่าประหยัดทั้งพื้นที่ประทั้งพลังงานได้ดีกว่า  และเมื่อเปรียบเทียบแล้วจะราคาแพงกว่า SATA ด้วยซ้ำ
- แบบ SATA เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่เข้ามามนตอนนี้และได้มีความนิยมเป็นอย่างมาก  เพราะว่าในเมนบอร์ดรุ่นใหม่นั้นก็ลองรับได้หมดแล้ว  และมีราคาที่ถูกกว่า ฮาร์ดดิสก์ แบบSATA

ขอแตกกต่างของการเชื่อมต่อ IDE กับ SATA
2.ขนาดของความจุ
ความจุของฮาร์ดดิสก์หรือพื้นจัดเก็บข้อมูล  นั้นมีความสำคัญว่าเราจะใช้งานประเภทใดและต้อง  เลือกความจุขนาดใดใครที่ชอบทำงานด้านมัลติมีเดียก็ต้องเลือกความจุมากๆ ปัจจุบันนี้มีความจุ ถึง 2 GB ไปแล้วซึ่งสามารถเก็บข้อมูลจนลืมไปเลยว่าซื้อมาตอนไหน  ไม่รู้จักเต็มสักที  แต่ก็ยังมีราคาที่สูงอยู่นั้นเอง
3.ความเร็วรอบ
ความเร็วรอบของฮาร์ดดิสก์นั้นย่อมมีผลโดยตรงต่อความเร็วของฮาร์ดดิสก์  คือถ้าฮาร์ดดิสก์มีความเร็วรอบสูงแล้ว  ข้อมูลก็จะเคลื่อนมาถึงหัวอ่านได้อย่างรวดเร็วขึ้น  ความเร็วรอบของฮาร์ดดิสก์นั้นมีหน่วยเป็น “รอบต่อนาที (rpm)  ในปัจุจบันความเร็วรอบนั้น 5,400-7,200 rpm แล้ว  และยังมีการพัฒนาความเร็วได้ถึง 10,000 rpm
4.บัฟเฟอร์ของ ฮาร์ดดิสก์
บัฟเฟอร์ก็คือหน่วยความจำแคชของฮาร์ดดิสก์นั้นเองครับ  เป็นสิ่งหนึ่งที่บ่งบอกความเร็วและประสิทธิภาพของฮาร์ดดิสก์   ถ้าเกิดฮาร์ดดิสก์ไหนที่มีขนาดบัฟเฟอร์ขนาดใหญ่ก็จะช่วยให้ไม่ต้องเสียเวลา ที่จะกลับไปนำข้อมูลนั้นมาใช้ซ้ำอีก  โดยการทำงานนั้นจะทำงานรวมกับแรม  แรมจะนำข้อมูลจากบัฟเฟอร์มาใช้โดยตรง  ในปัจจุบันแล้วขนาดบัฟเฟอร์  ก็มีจำนวน 8-32 MB ไปแล้ว
5.ความเร็วในการเข้าถึงข้อมูล
ช่วงเวลาในการเข้าถึงข้อมูล (Seek Time) คือช่วงเวลาที่ตำแหน่องบนจานของฮาร์ดดิสก์นั้นหมุนมาพอดีกับตรงที่หัวอ่านพอ ดี  ความเร็วนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับความเร็วรอบของฮาร์ดดิสก์เอง  ยิ่งมีความเร็วที่น้อยก็สามารถที่จะทำให้ฮาร์ดดิสก์นั้นอ่านเขียนได้เร็ว ขึ้น
มารู้จักเทคโนโลยีไฮบริด (Hybrid)
ฮาร์ดดิสก์แบบนั้นคือเป็นเทคโนโลยีที่นำหน่วยความจำมาเป็นแฟลช  มาทำงานร่วมกับฮาร์ดดิสก์โดยลักษณะจะเหมือนการทำงานของแฟลชไดร์  โดยหน่วยความจำที่นำมาใช้นั้นจะช่วยเพิ่มที่จะช่วยโหลดไฟล์ที่ใช้งานบ่อยๆ  หรือเก็บมาไว้ใช้ชั่วคราว  ก็ช่วยเพิ่มทั้งความปลอดภัยและความรวดเร็วของของมูล
 
ขอบคุณโดยการกด --> Like , Tweet หรือ +1 ครับ

การเลือกซื้อ การ์ดจอ (Graphic card)

การเลือกซื้อ การ์ดจอ (graphic card)
วันจันทร์ที่ 14 กันยายน 2009 เวลา 09:55 น.
สำหรับกราฟิกการ์ดแล้วเป็นส่วนประกอบ ที่ใช้การแลงสัญญาณข้อมูลให้กับมอนิเตอร์ของเราเพื่อทำให้เกิดภาพนั้น  จะมีประสิทธิภาพเป็นแบบใดก็ขึ้นอยู่กับ กราฟิกการ์ดด้วย  สำหรับขั้นตอนก็จะขอพิจารณาดังต่อไปนี้คือ


1.ประเภท
ในปัจจุบันนั้นมีประเภทของการ์ดแสดงผลที่นิยม  อยู่ 2 ประเภทคือ
-  AGP
สำหรับ AGP นั้นมีความเร็วที่  266 MB /s นั้นคือความเร็วที่ตั้งแต่เริ่มแรก  แล้วได้มีการพัฒนาแต่มา คือ 2x – 8x ซึ่งในปัจจุบันได้มีการลดความสำคัญลงไปเพราะมีสล็อต  ที่เร็วกว่ามาแทน  แต่ยังมีผู้ที่ใช้เมนบอร์ดรุ่นเก่าอยู่ยังต้องใช้ แบบ AGP อยู่
- PCI Express
จะมีความเร็วกว่า AGP ซึ่งเป็นมาตรฐานแบบใหม่ที่เข้าแทนการเชื่อมต่อ แบบ AGP และแบบ PCI ธรรมดา  โยความสามารถของ PCI Express  คือมีการควบคุมการรับส่งข้อมูลขึ้นมา  เรียกว่า “สวิตช์(Switch) สำหรับข้อดีที่ความเร็วเร็วกว่า  AGP นั้น  ซึ่งสามารถรับส่งข้อมูลได้เร็วถึง 250 MB/s เลยทีเดียว  และสามารถปรับขนาดของความกว้างของบัสเองได้มากกว่าทำให้ความเร็วไปได้ถึง 4 GB/s มากว่า AGP ถึง 2 เท่า
2.ซิปการฟิก
nVidia : ถือได้ว่าเป็นผู้ผลิตที่ได้ผลิตมาตั้งแค่เริ่มต้นเลย  ผลิตมาเป็นเวลานาน  ที่โด่งดังในตอนนั้นก็คือ TNT 2 ที่เป็นกราฟการ์ด 3 มิติ ที่มีประสิทธิภาพในตอนนั้นและมีการพัฒนาต่อมาเรื่อยๆจน  ในปัจจุบันมีชื่อว่า GeForce นั้นเอง ถือได้ว่าเป็นที่นิยมมากที่สุดในตอนนี้  มีให้เลือกหลากหลายขนาดหลายราคา  ให้เลือก
ATi : ได้พัฒนามาเรื่อยๆ  ซึ่งเป็นผู้ผลิตกราฟิกตระกูล Radeon ที่มีประสิทธิภาพสูงได้รับการยอมรับจากคนเล่นเกมส์ต่างๆ  ว่ามีประสิทธิภาพเยื่ยมเลยทีเดียว
3.หน่วยความจำ
ถือได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่ต้องคำนึงถึง  เพราะเป็นส่วนที่ช่วยให้ความเร็วในการแสดงผลรวดเร็วมากขึ้น  ซึ่งหน่วยความจำของการ์ดแสดงผล  เหมือนกับเครื่องคอมพิวเตอร์จำต้องมีหน่วยความจำแรม  ส่วนของการ์ดแสดงผลนั้นก็มีหน่วยความจำที่ทำงานเช่นเดียวกัน  นั้นมีหลายประเภทในปัจจุบันคือ
1.GDDR 2 เป็นแรม DDR2 ที่ออกแบบให้เมาะสมกับการ์ดแสดงผล  จะรองรับการทำงานด้วยความเร็ว 500MHz
2.GDDR3 ได้รับการพัฒนามาจาก DDR2 โดยจะทำงานด้วยความเร็วที่สูงกว่า  2 เท่าคือ  1 GHz ขึ้นไป
3.GDDR 4 เป็นแรมที่พัฒนามาจาก DDR3 ซึ่งเป็นหน่วยความจำที่มีความเร็วสูงกว่า  DDR2 ถึง 3 เท่าคือ 1.5 GHz
4.GDDR 5 ก็เป็นการพัฒนาจาก DDR4 โดยมีความเร็วสูงที่สุกเลยก็ว่าได้  เพราะทำงานได้ถึง 2 GHz เลยที่เดียว โดยได้มีการเริ่มใช้กับกลุ่มซิปกราฟิกของ Radeon
4.ในเรื่องของการรับประกัน 
ในเรื่องการรับประกันนั้นได้มีระยะเวลาตามแต่  ยี่ห้องของผู้รับประกัน  บางที่อาจรับประกันนานถึง 3 ปีบางที่อาจจะรับประกันแค่ 1 ปีเพราะฉะนั้นควรเลือกที่เราคิดว่าเหมาะสม  เพราะบางคนอาจใช้เวลาแค่ 1 ปีก็จะเปลี่ยน  บางคนก็ซื้อครั้งเดียวยาวไปเลย
 
 
ขอบคุณโดยการกด --> Like , Tweet หรือ +1 ครับ

การเลือกซื้อ แรม (RAM)

การเลือกซื้อแรม(RAM)
สำหรับแรมผมได้กล่าวไว้แล้วว่ามีหน้าอะไรบ้าง  สำหรับแรมก็เป็นส่วนประกอบที่สำคัญเช่นกันเพราะฉะนั้นแล้วเราควรเลือกให้ถูก วิธีด้วย  สำหรับขึ้นตอนการเลือกซื้อแรม  มีขั้นตอนการเลือกซื้อดังต่อไปนี้
1.ประเภทของแรม 
แน่นอนครับสำหรับประเภทของแรมนั้น  ก็จะถูกจำกัดด้วยเมนบอร์ดที่เราจะเลือกซื้อเช่นกัน  โดยเมนบอร์ดก็จะต้องถูกบังคับจากซิปเซต  สำหรับคนที่จะซื้อในขนาดนี้จะมีอยู่ 2 ประเภทที่ผมจะแนะนำนะครับ ซึ่งทั้ง 2 มีความเร็วที่แต่ต่างกัน
1.1 DDR 2
สำหรับ DDR 2 นั้นมีความนิยมเป็นอย่างยิ่งในขนาดนี้ถือเป็นแรมตลาดเลยที่เดียว  เพราะในปัจจุบันนี้เมนบอร์ดเองก็สามารถรองรับการทำงานของแรมชนิดนี้ได้หมด แล้ว  แล้วราคาในขณะนี้ก็มีราคาที่ไม่แพงเลยเมื่อเทียบกับชนิดอื่นๆ  และในเรื่องของความเร็วก็สามารถใช้ได้เร็วมากเลยที่เดียว  มีความเร็วตั้งแต่ 400-1,066 MIz ใช้แรงดันไฟฟ้า 1.8 V
1.2  DDR3
เป็นแรมประเภทมี่พึ่งมาใหม่ล่าสุดเลย  ซึ่งมีความเร็วสูงสุด  ถึง 1,600-2,000 MHz เลยทีเดียวครับ  แล้วใช้แรงดันไฟฟ้าแค่เพียง 1.5 V เท่านั้น  ถือได้ว่ามีความเร็วสูงกว่าทุกประเภทแต่ปัจจุบันนี้ได้มี DDR4 มาแล้วเอาไว้คราวหน้าตอนที่มีคนใช้เยอะๆ  จะมาเล่าให้ฟังนะครับ ส่วนราคาตอนนี้ยังสูงอยู่  แต่ถ้าใครต้องการซื้อหรือมีตังพอไม่ขัด ครับ  เพราะว่ากำลังจะเป็นที่นิยมกันแล้ว  แต่ต้องดูด้วยว่าเมนบอร์ดของเรานั้นรองรับหรือไม่  เพราะว่ายังมีเมนบอร์ดที่ยังไม่รองรับอีกเยอะครับ  ที่สำคัญ DDR3กับ DDR2 ใช้สล็อตเดียวกันไม่ได้เพราะฉะนั้นแล้วไม่ต้องกลัวว่าจะใส่ผิด
ข้อแต่กต่างตรงรอยบากDDR3กับ DDR2

2.หน่วยความจำ

แรมนั้นมีหน่วยความจำหลัก  ที่จำเป็นต้องการความจำสูงเพื่อประสิทธิภาพของการทำงานเครื่องคอมพิวเตอร์ ด้วย  โดยหน่วยความจำของแรมนั้น มีหน่วยเป็น GHz  ยิ่งมีความจำมากก็ทำให้เครื่องเราเร็วขึ้นไปด้วย ราคมของแรมที่มีความจุสูงๆ เดี่ยวนี้ราคาไม่แพงมากนัก  แต่ก็ควรที่จะดูว่าขนาดไหนเหมาะกับเรา  เพื่อจะได้ไม่สิ้นเปลืองมากกว่าปกติ
3.ความเร็ว
ความเร็วหรือว่า บัสของแรมนั้นก็มีความสำคัญเพาะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้การถ่ายโดนข้อมูลได้ เราขึ้น ซึ่งก็ได้กล่าวไปแล้ว่าประเภทของแรมนั้นก็มีความเร็วที่แตกต่างกัน  แล้วก็ต้องขึ้นอยู่กับเมนบอร์ดเราอีกนั้นล่ะว่าจะรองรับได้มากแค่ไหน  หรือถ้าใครซื้อแรมชนิดไหนก็ได้ที่มีความเร็วสูงไปที่เมนบอร์ดจะรองรับก็ สามารถจะใส่ได้เมื่อซื้อแรมที่เป็นประเภทเดียวกันเท่านั้นแต่ความเร็วของแรม ก็เท่ากับ  เมนบอร์ดรองรับ  และใครที่ซื้อแรมมา 2 ตัวแต่ มีความเร็วเท่ากัน  มันก็จะใช้แรมที่มีความเร็วต่ำกว่านั้นเอง
4.ก็การเลือกยี่ห้อ
การเลือกยี่ห้อนั้นแล้วแต่ศรัทธาครับ  ไม่ว่ากันแต่จะมีการรับประกันที่แต่ต่างกันนิดหน่อยเท่านั้นเองครับ  อย่างเช่นการเครมที่ไหม้ได้ไม่ได้  รวมทั้งราคาของแรมด้วยประสิทธิภาพจะแตกต่างกันหรือไม่นั้นส่วนตัวผมเอง  ใช่มาหลายยี่ห้อแล้วไม่ต่างกันเลย  เพราะฉะนั้นอยากได้ยี่ห้อไหนรับประกันดีเป็นพอครับ  อันนี้ไม่เกี่ยวกับหน้าตาคนขายนะครับ
 
 
ขอบคุณโดยการกด --> Like , Tweet หรือ +1 ครับ

การเลือกซื้อ ซีพียู (CPU)

การเลือกซื้อ ซีพียู(CPU)
        สำหรับการเลือกซื้อ ซีพียู  ซึ่งเป็นที่ที่สำคัญที่สุดซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นสิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึง เพราะซีพียูเป็นตัวที่จะกำหนดอุปกรณ์อื่นๆด้วย  และเป็นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับคอมพิวเตอร์  การที่เครื่องเราจะแรงและเร็วแล้ว  ซีพียูเป็นตัวกำหนดหลักแทบทั้งสิ้น   เพราะฉะนั้นผมจึงขอให้กำหนด  สเป็กการซื้อคอมพิวเตอร์  จากตัวซีพียูก่อนะครับ  จะขอเรียงลำคับการพิจารณาการเลือกซื้อดั้งต่อไปนี้
1.ความเร็วของ ซีพียู
        ความเร็วของซีพียู   ซึ่งใช้สัญญาณนาฬิกาเป็นตัวกำหนดนะครับ  โดยมีหน่วยเป็น “เฮิรตซ์ (Hz)”  ก็คือการที่ซีพียูทำงาน 1 ครั้งต่อ 1 วินาทีนั้นเอง  แต่ในปัจจุบันซีพียูนั้นมีความเร็วมากอยู่ในระดับ “กิกะเฮิรตซ์ (GHz)” แล้ว  เช่น 1 กิกะเฮิรตซ์  คือซีพียูทำงานได้ถึง 1 พันล้านครั้ง  ต่อวินาที  ยิ่งมีค่าสัญญาณนาฬิกามากเท่าไหร่ก็สามารถทำงานได้รวดเร็วเท่านั้น เช่น AMD Phenom 9650 2.3GHz
2.หน่วยความจำแคช(Cache)
        หน่วยความจำแคชก็เป็นหน่วยความจำหนึ่งที่ประกอบการตัดสินใจในการเลือกซื้อ  เพราะแคชมีหน้าที่ในการจัดเก็บคำสั่งและข้อมูลที่ได้ใช้บ่อยๆ  เพื่อส่งไปยังซีพียู  ซึ่งแคชเองทำงานร่วมกับแรมเพื่อเป็นการเชื่อมต่อข้อมูลระหว่าง 2 อุปกรณ์  ให้เชื่อมต่อกันเพราะฉะนั้นแล้วยิ่งมีแคชมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีความเร็วเท่า นั้นด้วย

การทำงานของแคช
ในปัจจุบันเองได้มีการเพิ่มเทคโนโลยี Pre-Fetch ในบางรุ่นจะมี ที่มีแคชถึงระดับ L3 ทำหน้าที่ในการคอยอ่านข้อมูลจากแรมมายังแควตลอกเวลา  เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้เร็วยิ่งขึ้น  โดยความเร็วทั้ง 3 ระดับดังนี้
   แคชระดับที่ 1 (L1) เป็นแคชขนาดเล็ก  เป็นแคชที่มีขนาดเล็กที่สุด  อยู่แค่ 32-128 KB เท่านั้น  และอยู่ใกล้ชิดกับซีพียูมากที่สุด
   แคชระดับที่ 2 (L2) จะมีขนาดใหญ่ขึ้นมาเพราะจะทำการเก็บข้อมูลจากแรมเป็นหลัก
   แคชระดับที่ 3 (L3) อยู่คั่นกลางระหว่างแรมกับแคช L2 โดยจะมีขนาดใหญ่กว่าเพื่อนซึ่งมีประมาณ 2-8 MB และจะอยู่ใกล้กับบัสเพื่อสามารถที่จะถ่ายโดยข้อมูลไปยังส่วนต่างๆได้ง่าย ขึ้น
3.บัส(BUS)
         ถือได้ว่ามีความสำคัญเหมือนกัน เพราะ บัสคือ นำไฟฟ้าที่เป็นทางเดินของข้อมูลจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งบัสใน คอมพิวเตอร์คือบัสข้อมูล (Data bus) ซึ่งมีหน่วยเป็น เฮิรตซ์ (Hz)  จะมีค่า FSB อย่างเช่น FSB 1066 เป็นต้น
4.ซีพียู จากค่ายต่างๆ
         สำหรับซีพียูนี้ก็มี 2 ค่าย ใหญ่ที่ผลิตออกมาให้เราได้ใช้กันคือ Intel และ AMD
         Intel เป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุด แล้วยังเป็นผู้ผลิต ซีพียูรายแรกอีกด้วย  สำหนับซีพียู  ที่ Intel ผลิตนั้นก็มีหลาย รุ่นออกมาให้เลือก และต่างมีเทคโนโลยีที่ต่างกัน ผมจะขอยกตัวอย่าง ซีพียูที่ทาง Intel ผลิตดังนี้คือ
1.CELERON-D
เป็นซีพียูที่อยู่ในตลาดระดับล่าง  โดยจะออกแบบให้ใช้กับการทำงานพื้นฐานต่างๆ  และมีราคาที่ต่ำ เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ไม่ต้องการอะไรมากนัก  ใช้โปรแกรมทางด้านพื้นฐานเป็นพอ ทั้ง ดูหนังฟังเพลง  หรือแค่เล่นอินเตอร์เน็ต  เล่นเกมส์เฟรชบาง  สามารถใช้งานได้อย่างไม่มีปัญหาเลยครับ
CELERON

2. CELERON-Duo Core

        สำหรับ CELERON-Duo Core นี้ได้พัฒนามาจาก CELERON-D  รุ่นเดิม แต่เปลี่ยนมาผลิตจากที่เป็น ซิงเกอร์คอร์มาเป็น ดูอัลคอร์  เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้การทำงานดีขึ้น
3.INTEL Duo Core
        เป็นซีพียูที่มีความเร็วมากกว่า CELERON ตอบสนองการใช้งานได้มากกว่า  โดยได้พัฒนาจาก ซีพียูรุ่น Pentiumนั้นเอง  โครงสร้างก็เป็นแบบ Duo Core คือมีลักษณะเป็น 2 หัว



4.INTEL CORE 2 DUO
เป็นซีพียูที่พัฒนามาจาก INTEL Duo Core โดยจะมีเลข 2  ก็หมายถึง พัฒนามาเป็นรุ่นที่ 2 นั่นเองครับ  โดยจะมีการเพิ่ม L 2  เพิ่มขึ้นจาก Duo Core มีอยู่ 2MB มาเป็น 3MB และมีความเร็วบัสเพิ่มขึ้นด้วย



5.INTEL
CORE 2 QUAD

เป็นซีพียูที่ได้มีการพัฒนาจาก INTEL CORE 2 DUO โดยการนำ INTEL CORE 2 DUO มารวมกันเป็น เป็น 1ตัวได้ทั้งหมดถึง 4 หัวเลย  และยังช่วยการใช้พลังงานที่ลดลงกว่า  เดิมอีกด้วย



6. CORE 2 QUAD Extreme

เป็นการนำเอา INTEL CORE 2 DUO มารวมตัวกันโดยเป็นการแยกการทำงานโดยอิสระ  และมีการแบ่งการทำงาน ของ L2 เป็น 2 ส่วน ซึ่งเป็น ซีพียูทีมีราคมสูงมาก


7.Intel Core i7


เป็นซีพียูที่ ใหม่ล่าสุดที่เริ่มขายแล้ว  ซึ่งยังมีราคาที่สูงอยู่  และถือได้ว่าเป็น ซีพียูที่มีความเร็วสูงที่สุดเลยก็ว่าได้  โดยมีการเพิ่ม แคชระดับ L3 ที่นำมาใช้ถึง 4-8 MB และมีการลองรับ Dual Channel DDR3 เป็นครั้งแรก  ซึ่งจะต้องทำงานกับแรม 3 แผงขึ้นไป  เพราะฉะนั้นเราต้องใช้แรม 3 แผงเป็นอย่างต่ำ





  AMD เป็นผู้ผลิตที่นอกเหนือจาก Intel ที่เข้ามาแย่งตลาดกัน โดยจะมีราคาที่ถูกกว่าเมือเปรียบเทียบกับประสิทธิภาพ  โดยจะมีซีพียูของด้วย AMD ดั้งนี้

1. SEMPRON

Sempron เป็นซีพียูที่อยู่ในตลาดระดับล่างของ AMD เป็นซีพียูที่มาราคาถูกและตอบสนองการใช้งานด้านพื้นฐานต่างๆได้ดี


2. AMD 940 X2
เป็นซีพียู ที่มีความเร็วมากกว่า Sempron ขึ้นมาอีกหน่อย  เพรำหรับคนที่ใช้งานพื้นฐานทั่วไปและก็เล่นกราฟิกบาง  เป็นหรือเกมส์บ้างพอสมควร  ที่ราคาไม่แพง  รองรับ HyperTransport


3. PHENOM X3
เค้าบอกว่า 3 หัวดีกว่า 2 หัว ก็เลยได้มีการผลิต 3 หัวออกมาจำหน่วยกัน โดยพัฒนามาจาก CPU AMD 940 X2 เพิ่มมาอีก 1หัว


4. PHENOM X4

สำหรับตัวนี้มีการเพิ่มมาอีก 1 หัวเพื่อเพิ่มไประสิทธิภาพในการทำงานแต่ราคานั้นสูงอยู่แต่ถ้าใครต้องการก็สามารถที่จะซื้อมาได้เลยครับ
HyperTransport เป็นเทคโนโลยีของ AMD ที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารกันได้อย่างอิสระ ระหว่าง คอร์ต่าง ๆ และหน่วยความจำภายในเครื่อง  ซึ่งสามารถ  ปรับความกว้างของการรับ/ส่งของของข้อมูล เป็นระบบบัสที่พัฒนาขึ้นให้มีประสิทธิภาพสูงกว่า FBS

ตัวอย่างเทคโนโลยีของค่ายต่างๆ 

เทคโนโลยี
คุณสมบัติของเทคโนโลยี
Intel
AMD
SSE
3Dnow!
ใช้ในการประมวลผลด้วยคำสั่ง 3 มิติ และช่วยให้ประมวลผลจำนวนมากในเพียงคำสั่งสำเสร็จเดียว
Speed Step
Cool ‘n’Quiet
ช่วยในการประหยัดพลังงานไฟฟ้าและช่วยลดอุณหภูมิของ CPU
XD Bit
NX Bit
ปกป้องและป้องกันการโจมตีจากโปรแกรมแฝงที่มาเครือข่าย
EM64T
AMD 64
ใช้ในการประมวลผลทางด้าน 64 Bit
ViiV
Live!
ช่วยในการประมวลผลทางด้านมัลติมีเดีย

ตารางของแตกต่างส่วนต่างๆ ของCPU Intel

ซีพียู
บัส
แคช L2
แคช L3
ซ็อกเก็ต
Multi Core
CELERON-D
FSB 800
512 KB
-
 LGA 775
-
CELERON-Duo Core
FSB 800
512 KB-1MB
-
LGA 775
รองรับ
Duo Core
FSB 800 -1,066
2 MB
-
LGA 775
รองรับ
CORE 2 DUO
FSB 1,066 -1,333
3-6 MB
-
LGA 775
รองรับ
CORE2 QUAD
FSB 1,333
4-12 MB
-
LGA 775
รองรับ
QUAD Extreme
FSB 1,333
8 MB
-
LGA 775
รองรับ
CORE I7
FSB 1,366
1 MB
8 MB
LGA 1,160 หรือ LGA 1,366
รองรับ

ตารางของแตกต่างส่วนต่างๆ ของCPU AMD

ซีพียู
บัส
แคช L2
แคช L3
ซ็อกเก็ต
Multi Core
SEMPRON LE
2,000
512 K
-
AM 2
-
AMD 940 X2
2,000
512 K
-
AM 2
รองรับ
HENOM X3

512x2 KB
-
AM 2+
รองรับ
PHENOM X4

L2 = 512x4B
2 MB
AM 2+หรือ AM 3
รองรับ

5.งบประมาณ
ในสิ่งสำคัญอย่างยิ่งของใครบางคน  คืองบประมาณนั้นล่ะครับ  บางคนอาจจะเป็นอันดับแรกเลยก็ว่าได้ครับ  ในปัจจุบันราคาต่ำมากจนแทบบอกได้ว่า  ไม่ถึงพันก็มีแต่ก็ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพที่จะได้รับด้วย  เดี๋ยวนี้ซีพียูราคาถูกๆ  ก็สามารถทำงานได้หลายอย่างแล้วไม่จำเป็นที่จะต้องเลือกซื้อราคาแพงๆ  มาใช้นะครับ
 
 
ขอบคุณโดยการกด --> Like , Tweet หรือ +1 ครับ

การเลือกซื้อ LCD Monitor

การเลือก LCD Monitor
ในช่วงระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมา ตลาดจอ  LCD Monitor มีการเติบโตขึ้นเป็นเท่าตัว โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องด้วย จึงได้รับความนิยมมากขึ้นทุกขณะ ดังนั้นการเลือกใช้ให้เหมาะสม ต้องดูจากปัจจัยหลายๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ขนาด เทคโนโลยี พอร์ตต่อพ่วงไปจนถึงราคาที่ล้วนแต่มีความสำคัญไม่แพ้กัน
รูปลักษณ์และความสวยงาม
ปฏิเสธไม่ได้ว่าหลายครั้งผู้ซื้อจะให้ความรู้สึกในเรื่องรูปลักษณ์หรือกว่า ประสิทธิภาพจะได้รับ เช่นเดียวกับจอ LCD ก็เช่นกันที่ผู้ใช้มักจะเอาความสวยงามมาเป็นตัวเปรียบเทียบแต่ก็ไม่ได้เป็น เรื่องที่ผิดเสียทีเดียว เพราะเรื่องของดีไซน์ก็เป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ใช้ต้องสัมผัสและพบเจอในการใช้งานอยู่ทุกวัน หากไม่สวยงามโดนใจหรือไม่เข้ากับเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านก็คงอึดอัดอยู่ไม่ น้อย
นอกจากนี้เรื่องของการออกแบบยังรวมไปถึงฟังก์ชันสำหรับการใช้งานต่างๆ เช่นผู้ที่นำไปใช้ในการพรีเซนเทชันอาจเลือกเป็นจอที่ปรับมุมมองซ้าย-ขวาหรือ ก้มเงยได้สะดวก หรือบางคนอาจต้องการขนาดที่บางเพื่อที่จะจัดวางหรือเคลื่อนย้ายไปมาได้ ซึ่งบางครั้งด้านขอบจอที่บางก็ทำให้หลายคนชอเช่นกัน ในกรณี ที่ใช้จอสองตัวในการเล่นเกมหรือทำงานกราฟิก ซึ่งถ้าเป็นรูปแบบเหล่านี้ ก็นำมาใช้ในการพิจารณาได้ดีทีเดียว
lcd
ความละเอียด (Resolution)
                ถ้ามองไปในตลาด ณ วันนี้ความละเอียดส่วนใหญ่ถูกกำหนดด้วยขนาดของจออยู่แล้ว  เช่น จอขนาดเล็ก 15” ก็จะให้ความละเอียดที่ 1024x768 แต่ถ้าเป็น 22”จะอยู่ที่ 1680x1050ซึ่งการจะเลือกใช้ ก็ขึ้นอยู่กับรูปแบบในการทำงานไม่วาจะเป็น การเล่นเกม ชมภาพยนตร์ งานเอกสาร ตัดต่อกราฟิก ก็ล้วนแต่มีข้อกำหนดที่แตกต่างกันออกไป
ขนาดหน้าจอและความละเอียดของ LCD ที่พบกันบ่อยในตลาด
Panel
Resolution
15” 1024x768
17” 1280x1024
17” (Wide-screen) 1280x720
19” 1280x1024
19” (Wide-scree) 1440x900
20” 1600x1200
20” (Wide-screen) 1680x1050
22” (Wide-screen) 1680x1050
24” (Wide-screen) 1920x1200
จอธรรมดาหรือจอกระจก
เรื่องของหน้าจอแสดงผล ถือเป็นอีกส่วนหนึ่งที่หลายคนนำมาใช้ในการเลือกซื้อ LCD ด้วยเช่นกัน ซึ่งปัจจุบันมีให้เลือกทั้งแบบจอแบบเคลือบเงาหรือที่เรียกว่า  จอกระจก จอแบบดังกล่าวนี้มีคุณสมบัติที่ดีในการชมภาพยนตร์และเล่นเกม เนื่องจากให้สีสันที่สดใสและแสงที่สว่างจึงมักได้รับความนิยมหมู่คนที่ชอบ ความบันเทิงเป็นหลัก แต่ราคาจะค่อนข้างสูงส่วนอีกแบบหนึ่งเป็นจอธรรมดา คุณสมบัติที่ดีอยู่ที่การให้ความคมชัดที่สูง ไม่เน้นที่ความสว่างมากนัก จึงเหมาะกับผู้ที่ใช้งานอยู่หน้าจอเป็นเวลานานๆ นอกจากนี้ยังไม่มีการสะท้อนรบกวนของแสงเช่นเดียวกับจอกระจก ที่แม้จะมีการโค๊ตติ้งมาแล้วก็ตาม อีกทั้งจอแบบดังกล่าวยังมีราคาที่ไม่สูงอีกด้วย ทั้งสองแบบนี้เอกลักษณ์เฉพาะตัวและมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป ส่วนการจะเลือกแบบใดนั้นให้ดูที่ความต้องการใช้งานในชีวิตประจำวันเป็นหลัก
Response Time สำคัญเพียงใด
เป็นอัตราความเร็วในการตอบสนองของเม็ดสี ในการเปลี่ยนสีจากดำมาเป็นขาวแล้วกลับเป็นดำ (B/W)หรือบางครั้งอาจเป็นจากสีเทามาเป็นเทา(G/G)โดยบอกเวลาเป็นวินาทีซึ่ง ตัวเลขยิ่งน้อย ก็จะส่งผลให้การแสดงภาพมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น หากตัวเลขมากหรือช้า อาจเกิดอาการที่เรียกว่าภาพซ้อนหรือ Ghost เกิดขึ้น จนทำให้การเล่นเกมหรือการชมภาพยนตร์เสียอรรถรสไป  ดังนั้นการเลือกซื้อปัจจุบันควรจะอยู่ที่ 2-8ms โดยประมาณ
Contrast Ratio
ค่า Contrast Ratio เป็นค่าที่นำมาใช้ในการวัดอัตราส่วนของความสว่างและความมืด ว่ามีมากน้อยเพียงใด ซึ่งจะส่งผลต่อความคมชัด สมจริงที่เกิดขึ้นในภาวะแสงต่างๆ การเลือกให้ดูตัวเลขที่สูงเป็นหลัก โดยปัจจุบันมีให้เลือกตั้งแต่ 500 : 1, 700 : 1, 1000 : 1, ไปจนถึงบางค่ายมีให้เลือกถึง 5000 : 1 ซึ่งก็แล้วแต่การวัดว่าเป็นแบบ Native หรือ Dynamic

พอร์ต D-Sub DVI, HDMI
  ในส่วนของพอร์ตแสดงผล หากเป็นไปได้ควรเลือกจอที่มีพอร์ตแบบ DVI มาให้หรือมีให้ 2 แบบคือทั้ง D-Sub และ DVI เนื่องจากปัจจุบัน แม้ว่าการแสดงผลจะยังมีพอร์ต D-Sub ให้ใช้อยู่ก็ตาม แต่แนวโน้มในไม่ช้ากราฟิกการ์ดจอรุ่นใหม่ๆ ที่ออกมานั้น จะมีแต่พอร์ตที่เป็น DVI เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งการ์ดหลายรุ่นจะเป็นแบบ Dual DVI อีกด้วย จึงไม่จำเป็นต้องหาตัวแปลงสัญญาณมาใช้ นอกจากนี้ DVI ยังให้สัญญาณที่นิ่งกว่า เนื่องจากไม่ต้องแปลงจากดิจิตอลเป็นอะนาล็อกไปมาอีกด้วย
การรับประกัน
ประกัน Dot หรือ Dead pixels ให้สอบถามจากทางร้านให้ละเอียดครบถ้วน ทั้งในเรื่องของจำนวน Dot ที่เสีย จำนวนเท่าใดเคลมได้หรือมากกี่จุดถึงยอมให้เปลี่ยนตัวใหม่ ซึ่งต้องขอความชัดเจนให้มากที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในขึ้นตอนการเคลม จึงค่อยนำออกจากร้าน
การตรวจสอบ Dead หรือ Hot Pixel ก็ไม่ได้ยุ่งยากแต่อย่างใด ส่วนใหญ่ทางร้านจะมีการทดสอบให้อยู่แล้ว ถ้าไม่มีโปรแกรมสำหรับการตรวจสอบโดยตรง อาจใช้วิธีเบื้องต้นในการทดสอบง่ายๆ โดยเปลี่ยนสีหน้าจอเดสก์ทอปให้เป็นสีขาวเหลือง แดง น้ำเงินและดำ ทีละสีแล้วกวาดสายตาไปให้ทั่วๆ จนแน่ใจว่าไม่มีจุดสีที่แปลกเด่นขึ้นมา ทำไปเรื่อยๆ ไม่ต้องรีบร้อน หลังจากนั้นให้ปรับค่า Default ของหน้าจอให้เป็นแบบมาตรฐาน ดูว่ามีสิ่งใดผิดปกติเกิดขึ้นหรือไม่ เช่น ขอบของจอผิดเพี้ยน ความสว่างไม่เท่ากันหรืออื่นๆ เพื่อที่จะได้แจ้งทางร้านค้าได้ทันที
 
ขอบคุณโดยการกด --> Like , Tweet หรือ +1 ครับ

การเลือกซื้อ Note book




  1. แบรนด์ดัง ย่อมแพง แต่ก็ตอบแทนด้วยคุณภาพดี และระยะยาวปัญหาจุกจิกกวนใจน้อย แต่ทุนจำกัดก็จำเป็นต้องเลือกแบรนด์กลางๆ ให้ดูที่ Warranty เป็นหลัก เอาแบบ 3
    ปีได้ดีที่สุด แต่ส่วนใหญ่ก็จะเป็น 1 ปี
  2. ก่อนจ่ายตังค์ ถามย้ำให้มั่น มีใบ VAT และเอกสารรับประกันที่เรียบร้อย เพราะส่วนใหญ่เกือบ 100% ร้านจะบอกว่า ไม่ต้องใช้หรอกใบเสร็จ ศูนย์จะตรวจจากวอยบนสินค้า ซึ่งโกหก ตอแหล
  3. ก่อนซื้อต้องได้เปิดเป็น 1 ชั่วโมงอย่างต่ำ ดูความร้อนบริเวณวางมือพักตอนพิมพ์ และปัญหาไฟรั่ว ถ้าร้อนและคุณยังทนได้ (ถ้าไม่กลัวมือด้าน) ก็ถือว่า OK
  4. ตรวจ Dead / Hot Pixels ง่ายๆ ก็คือทำให้เดสก์ทอปเป็นสีพื้น สำคัญนะ ทำทุกสี อย่าเชื่อผู้ขายว่า ทำสีดำก็พอ ตอแหลอีกครับ สำหรับผมจะมีโปรแกรมทดสอบ Dead Pixels หากใครต้องการก็ติดต่อมานะครับ
  5. อันนี้ตรวจยากมาก การชาร์จแบต เพราะกว่าจะเต็ม กว่าจะคายหมด ก็ล่อไปเกินครึ่งวันแล้ว ให้ตรวจภายใน 7 วัน และย้ำกับทางร้านว่า ถ้าสินค้ามีปัญหาเปลี่ยนตัวใหม่ใน 7 วัน เป็นลายลักษณ์อักษรนะครับ ไม่เช่นนั้นจะถูกหักหลังได้
  6. ram ครับ ไม่น่าเชื่อ เขาถอดแรมของจริงไปขายกันครับ แล้วใส่แรมปลอมให้ ต้องให้คนรู้เก่งสักหน่อยนะ เรื่องนี้ ไปเป็นเพื่อน ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี
  7. ไม่น่าเชื่ออีกนั้นแหละ สาย AC ของ adapter ชอร์ตจนขาดข้างในได้ครับ ไม่อยากเอ่ยยี่ห้อ แต่เป็นมากกว่า 1 ยี่ห้อ
  8. ตรวจสภาพตัวถัง คีย์ รูเสียบให้ดี มีบิดเบี้ยว ถลอก หรือรอยขูดงัดใดๆ หรือไม่
  9. OS ที่มากับเครื่องตรงไหม ลองใช้แผ่น Recovery CD ด้วยใน 7 วันนั้น
  10. รีบลงทะเบียนกับศูนย์ หรือโทรไปขอข้อมูล (โดยเฉพาะก่อนซื้อ) บางเรื่องรู้หลังซื้อแล้วก็ต้องร้องไห้อย่างเดียว
  11. เช็ครายการสินค้าที่มีมาให้ครบ ยอมเสียเวลาหน่อย พวกสาย พวก manual พวก CD/DVD
  12. ลองให้หมดทุกอย่างที่มีบนเครื่อง ใน 7 วันที่ยังเปลี่ยนเครื่องได้ ใช้ทุกพอร์ต ทุกรู ลงซอฟต์แวร์ที่ต้องใช้งาน และลอง burn-in ถ้าแรมไม่ดี ฮาร์ดดิสก์แย่ๆ ก็จะป๊อกหยุดแฮงก์ไปเลย รีบเอาไปเปลี่ยนเครื่องใหม่
 
 
ขอบคุณโดยการกด --> Like , Tweet หรือ +1 ครับ

การเลือกซื้อ คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ PC

Computer PC
การที่เราจะเลือกซื้อ PC ให้เหมะสมกับการใช้งาน (เน้นไปที่การซื้อเครื่องประกอบ) เราควรจะต้องมีความรู้พื้นฐานนิดหน่อยในส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์
เช่น cpu ram mainboard graphic card case powersupply harddisk โดยเลือกจากลักษณะการใช้งาน
พูดง่ายๆคือซื้อในส่วนเหล่านั้นให้ดีถ้าเราเน้นจะใช้งานมันเป็นหลัก เช่น คอเกมส์ก็เน้น graphic card แรงๆ แต่ถึงอย่างไรความแรงมันก็ต้องมาจากการที่
ซื้อให้สัมพันธ์กัน ส่วนที่จะทำให้มันสัมพันธ์จะเป็นรายละเอียดลึกไปอีกนิด FSB FRONT SIDE BUS หรือขนาดความกว้งของช่องส่งข้อมูลควรซื้อให้มีความสอดคล้องกัน
การเลือกซื้อพีซีที่ดีควรจะดูเรื่อง ค่าใช้จ่ายคือซื้อให้คุ้มค่ากับเงินที่จะเสียไป และใช้งานได้ตามต้องการ เวลาเลือกจาก FSB เช่น CPU รองรับ 1333 mhz ก็ควรซื้อ ram ที่
มี FSB ให้ใกล้เคียงที่สุดที่จะเป็นไปได้ เมนบอร์ดก็เช่นกัน ส่วนเรื่องยี่ห้อปัจจุบันใกล้เคียงกันหมด ประมาณว่าไปผลิตที่จีนกันหมด แต่บ้างครั้ง ram ที่มี  FSB 1333 อาจจะเกิน
งบประมาณในกระเป๋า เราอาจะเปลี่ยนไปที่ 1066 หรือ 800 เพื่อประหยัดเงินลง และไม่ให้ความเร็วของเครื่องตกลงมาก หากเลือกได้สอดคล้องกันในวงเงินที่ตั้งไว้ก็จะทำให้การส่งข้อมูลไม่มีคอขวด ซึ่งจะส่งผลให้เครื่องทำงานได้เร็วและราบรื่นอีกด้วย ส่วนรายละเอียดอื่นๆอาจสอบถามกับทางร้านที่ซื้อได้ว่าเลือกแบบนี้ได้ไม่ได้ อย่างไร เราจะได้ข้อมูลในการเลือกซื้อเพิ่มขึ้น หากกลัวทางร้านหลอกก็อาจจะ
สอบถามซัก 2-3 ร้านหากคำตอบที่ได้ตรงกันก็ทำให้เรามั่นใจได้มากขึ้น ตรงนี้หวังว่าอาจจะมีประโยชน์สำหรับคนที่กำลังมองหาคอมใหม่ ไม่มากก็น้อยนะครับ
 
 
ขอบคุณโดยการกด --> Like , Tweet หรือ +1 ครับ

26 พฤศจิกายน 2554

วิธีดูแลรักษา Harddisk ให้ปลอดภัย และใช้ได้นาน


โปรแกรมที่คุณใช้งานอยู่เป็นประจำทำงานช้าลงหรือเปล่า? หรือพีซีอายุใช้งาน 4 เดือนของคุณมีอาการงอแงหรือไม่? ต่อไปนี้คือ วิธีการแก้ปัญหา และเพิ่มความเร็วให้กับฮาร์ดดิสก์ตัวเก่งของคุณ

         การเป็นเจ้าของ และใช้งานฮาร์ดดิสก์โดยไม่เคยสแกนตรวจสอบ ก็เหมือนกับการมีรถยนต์คันหรู ที่เอาแต่ขับอย่างเดียว ไม่เคยเข้า ศูนย์บริการ ซึ่งทิปต่อไปนี้ สามารถกระทำได้โดย ไม่ต้องลงแรงมากนัก เพียงแค่เจียดเวลาสักนิดในการปฏิบัติตาม ทั้งนี้ก็เพื่อให้ฮาร์ดดิสก์ของคุณ กลับมามีชีวิตชีวาเหมือนใหม่ และทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
10 วิธี ดูแลฮาร์ดดิสก์ ให้ใช้ได้นาน ๆ



1. สแกนหาไวรัส
         จัดเป็นข้อควรปฏิบัติที่สำคัญเป็นอันดับต้นๆ ที่คุณควรให้ความสำคัญ และหมั่นทำเป็นประจำ เราคงไม่ต้องบอกคุณแล้วว่า ไวรัสในปัจจุบันนั้นมีฤทธิ์เดชร้ายแรงแค่ไหน เอาเป็นว่าให้คุณลองนึกถึงตอนที่ไฟล์ข้อมูลสำคัญ ในฮาร์ดดิสก์ถูกทำลาย หรือเสียหายเพียงแค่เพราะว่าคุณไม่ได้ติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัสเอาไว้ในเครื่อง หรือใครที่ติดตั้งเอาไว้แล้วก็ไม่ควรชะล่าใจ ลองตรวจสอบวันที่ของฐานข้อมูลไวรัส (Virus Definition) ถ้าเก่าเกินกว่า 30 วันก็ควรรีบทำการอัปเดตให้เป็นเวอร์ชันปัจจุบัน เพื่อการป้องกันที่เต็มประสิทธิภาพ จากนั้นทำการสแกนฮาร์ดดิสก์ทั้งหมดที่ติดตั้งอยู่ในระบบ ถ้าเป็นไปได้ แนะนำให้กำหนดตารางเวลาในการสแกนเป็นประจำทุกสัปดาห์


2. ปัดกวาดไฟล์หรือขยะที่ไม่ได้ใช้

         ยิ่งใช้งานเครื่องมานานเท่าใด ไฟล์ข้อมูลเก่าๆ หรือขยะในเครื่องก็จะเพิ่มพูนมากขึ้นเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นไฟล์ข้อมูลเก่า โปรแกรมเก่า ไฟล์ชั่วคราวที่หลงเหลือจากการท่องอินเทอร์เน็ต รวมทั้งไฟล์ที่ตกค้างจากการ ติดตั้งโปรแกรมในโฟลเดอร์ เก็บไฟล์ชั่วคราวของวินโดวส์ ซึ่งวิธีการง่ายๆ ในการกำจัดไฟล์ขยะเหล่านี้ก็คือการใช้ยูทิลิตี้ Disk Cleanup ของวินโดวส์ หรือจากออปชันทำความสะอาดไฟล์ในโปรแกรม IE โดยตรง (Tools -> Internet Options)

3. กำจัดขยะในซอกหลืบ

         แม้ว่าคุณจะทำการลบไฟล์ขยะด้วยตัวเองไปแล้ว แต่ก็ยังอาจมีเศษขยะที่มองไม่เห็นตกค้างอยู่ในฮาร์ดดิสก์ของ คุณ อีกมากมาย โดยเศษขยะในที่นี้หมายรวมถึงบรรดาสปายแวร์ หรือแอดแวร์ต่างๆ ด้วย ซึ่งวิธีการตรวจสอบหาขยะเหล่านี้ จำเป็นต้องใช้เครื่องมือพิเศษคือโปรแกรมอย่างเช่น Ad-aware หรือ Spybot Search & Destroy ที่หาดาวน์โหลดได้ฟรี จากอินเทอร์เน็ต ที่สำคัญคืออย่าลืมอัปเดตฐานข้อมูล ให้กับโปรแกรมดังกล่าว ก่อนเริ่มทำการสแกนระบบด้วย


4. หมั่นใช้สแกนดิสก์

         เมื่อใดก็ตามที่พื้นที่เก็บข้อมูลในฮาร์ดดิสก์เกิดบกพร่องเสียหาย เรามักจะใช้คำแทนจุดบกพร่องนั้นๆ ว่า “Bad Sector” ซึ่งมีความหมายว่าบริเวณพื้นผิวของจานแม่เหล็ก เกิดความเสียหายจนไม่สามารถทำการอ่านข้อมูลได้ ซึ่งวิธีการแก้ไขนั้น คือการใช้ยูทิลิตี้ Scandisk ของวินโดวส์ในการตรวจสอบหาจุดที่เกิด Bad Sector และย้ายข้อมูลที่อยู่ในบริเวณนั้นๆ ไปยัง เซกเตอร์อื่นๆ ที่ปกติ ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของไฟล์ข้อมูล โดยในหน้าต่างยูทิลิตี้ Scandisk นั้นให้คุณเลือกออปชัน Scan for and attempt recovery of bad sectors ด้วยก่อนเริ่มทำการสแกน นอกจากนี้หากคุณใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 98/Me แนะนำให้ปิดการทำงานของสกรีนเซฟเวอร์ก่อนเริ่ม Scandisk ด้วย


5. จัดเรียงข้อมูลให้เป็นระเบียบ

         โปรแกรม Defragmenter ที่ไม่ต้องเสียเวลาหาให้ไกลเพราะมีอยู่ในวินโดวส์ทุกเวอร์ชันแล้วนั้น จะช่วยในการจัดเรียงข้อมูล ที่ถูกเขียนลงฮาร์ดดิสก์อย่างสะเปะสะปะให้มีระเบียบ และเป็นชิ้นเป็นอันมากขึ้น ทั้งนี้ก็เพื่อให้หัวอ่านฮาร์ดดิสก์ ไม่ต้องทำงานหนัก และใช้เวลาในการอ่านข้อมูลสั้นลง และโปรดอย่าเข้าใจผิดคิดว่าโปรแกรมจะจับไฟล์ในโฟลเดอร์ของคุณไปสลับสับ เปลี่ยน หรือเรียงไว้ในโฟลเดอร์อื่นๆ จนหาไม่เจอ เพราะการ Defrag นั้นจะทำการจัดเรียงไฟล์ข้อมูลบนดิสก์เท่านั้น ไม่ส่งผลกระทบต่อ โครงสร้างการเก็บไฟล์ในวินโดวส์แต่อย่างใด


6. เก็บทุกอย่างให้เข้าที่

         ขั้นตอนนี้จะเรียกว่าเป็นวินัยส่วนตัวก็ว่าได้ เพราะไม่ว่าจะเป็นลิ้นชักตู้เสื้อผ้าหรือฮาร์ดดิสก์ ก็ล้วนต้องการระบบระเบียบ ในการจัดเก็บที่ดีด้วยกันทั้งนั้น ฟังดูอาจเป็นงานที่น่าเบื่อ แต่ถ้าฝึกให้เป็นนิสัยตั้งแต่แรกก็แทบจะไม่ต้องทำอะไรเลย ส่วนใคร ที่ยังเก็บไฟล์ทุกชนิดทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นไฟล์เอกสารเวิร์ด ไฟล์รูปภาพ ไฟล์วิดีโอ ไฟล์เพลง ฯลฯ ปนกันมั่ว ไว้ในโฟลเดอร์ เดียวกัน เตรียมตัวเตรียมใจกับเรื่องปวดหัวในการค้นหาไฟล์เมื่อต้องการใช้งานให้ดี แต่ถ้าไม่อยาก ... ก็สละเวลาจัดการ จัดไฟล์ลงโฟลเดอร์ให้เรียบร้อยเสียตั้งแต่วันนี้


7. แบ็กอัปข้อมูล

         ไม่มีฮาร์ดดิสก์รุ่นไหน ยี่ห้อใด ที่จะมีอายุยืนยาวอยู่กับคุณไปตลอดกาล แต่ถึงแม้ในที่สุดฮาร์ดดิสก์ของคุณจะหมดอายุขัย ก็ไม่ได้หมายความว่าข้อมูลทั้งหมดที่เก็บอยู่ในนั้นจะสูญหายไปด้วย เพียงแต่สิ่งที่คุณควรต้องหมั่นทำเป็นกิจวัตร ก็คือ การแบ็กอัปไฟล์ข้อมูลสำคัญๆ เก็บไว้ในฟล๊อบปี้ดิสก์ แผ่นซีดี ดีวีดี หรืออื่นๆ ที่ไม่ใช่ฮาร์ดดิสก์ตัวที่ใช้งานอยู่ หรือถ้าที่กล่าวมานั้น มันยุ่งยากหรือทำให้คุณลำบากเกินไป แนะนำให้ใช้ทัมป์ไดรฟ์ที่ปัจจุบันมีราคาแสนถูก และถ้าไม่ลำบากเงินในกระเป๋า จนเกินไปเลือกรุ่นที่จุ 128MB ขึ้นไปจะดีมาก


8. เทขยะอย่าให้เหลือไฟล์ตกค้าง

         เมื่อคุณกดปุ่ม Delete เพื่อลบไฟล์ ซึ่งในทางปฏิบัติดูเหมือนว่าไฟล์ข้อมูลของคุณจะถูกลบออกไป แต่ในทางทฤษฎีนั้น ไฟล์ของคุณจะยังไม่ถูกลบออกไปจริงๆ เพียงแต่วินโดวส์จะทำเครื่องหมายไว้ในพื้นที่ส่วนนั้นๆ ว่าเป็นที่ว่าง และเมื่อใดที่มี การเขียนไฟล์ข้อมูลก็สามารถเขียนทับตำแหน่งนั้นๆ ได้ นอกจากนี้วินโดวส์จะนำไฟล์ที่คุณลบไปใส่ไว้ในถังขยะ (Recycle Bin) เผื่อกรณีที่คุณเกิดเปลี่ยนใจหรือตัดสินใจพลาด หากใครช่างสังเกตจะพบว่า แม้จะลบไฟล์ข้อมูลไปแล้ว แต่พื้นที่ว่างในอาร์ดดิสก์ นั้นไม่ได้เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด ทั้งนี้ก็เพราะข้อมูลนั้นๆ ยังนอนรอชะตากรรมอยู่ในถังขยะ (Recycle Bin) นั่นเอง

         ดังนั้น หากคุณมั่นใจว่าไม่ใช้งานแล้ว หรือไม่ต้องการให้ใครมาแอบคุ้ยถังขยะ เอาข้อมูลส่วนตัวของคุณไป แนะให้คลิกขวาที่ไอคอน Recycle Bin แล้วเลือกคำสั่ง Empty Recycle Bin เพื่อกำจัดขยะในถังให้สิ้นซาก


9. แบ่งพาร์ทิชันเพื่อเก็บข้อมูล

         ฮาร์ดดิสก์โดยทั่วไปที่ออกมาจากโรงงานนั้น จะไม่มีการแบ่งพาร์ทิชันเอาไว้ หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆ คือ ซื้อ 80GB ก็จะได้ไดรฟ์ C: ความจุ 80GB มาใช้งาน แต่ถ้าจะให้ดี แนะนำให้คุณทำการแบ่งฮาร์ดดิสก์ ออกเป็นส่วนๆ หรือที่เรียกว่าการแบ่ง พาร์ทิชัน นั่นเอง ยกตัวอย่างเช่น ฮาร์ดดิสก์ 80GB นำมาแบ่งเป็น 2 พาร์ทิชัน พาร์ทิชันละ 40GB ซึ่งคุณก็จะได้ไดรฟ์มาใช้งาน 2 ไดรฟ์คือไดรฟ์ C: และไดรฟ์ D: ซึ่งการแบ่งพาร์ทิชันนอกจากจะช่วยลดภาระของหัวอ่าน และเพิ่มความเร็ว ในการทำงาน ของฮาร์ดดิสก์แล้ว

          คุณยังสามารถแยกไฟล์สำคัญๆ มาเก็บไว้ในไดรฟ์แยกต่างหากจากไดรฟ์ที่ติดตั้งวินโดวส์ ซึ่งอาจโดนไวรัส เล่นงานจนเสียหายได้อีกด้วย ซึ่งการแบ่งพาร์ทิชันนั้นคุณสามารถทำได้ในขณะที่ติดตั้ง Windows XP เลย แต่ถ้าไม่ได้ทำ ก็ไม่เป็นไร เพราะปัจจุบันมีโปรแกรมสำหรับการนี้มากมาย ซึ่งที่นิยมใช้กันมากที่สุดได้แก่โปรแกรม Partition Magic


10. เลือกความเร็วให้เหมาะกับงาน

         วิธีการที่ผ่านมานั้นสามารถช่วยให้ฮาร์ดดิสก์ของคุณสามารถทำงานได้ เร็วขึ้นได้อีกเล็กน้อย อย่างไรก็ดี หากคุณกำลังมองหา หรือตัดสินใจซื้อฮาร์ดดิสก์ใหม่ แนะนำให้พิจารณาเลือกรุ่นความเร็วที่เหมาะสม กับลักษณะงานที่คุณต้องการใช้งาน เช่น เลือกรุ่น ที่มีความเร็วในการหมุนจานแม่เหล็ก 5,400 RPM (รอบ/นาที) ที่มีราคาถูกถ้าคุณใช้เพียงโปรแกรมทั่วๆ ไปเช่น เล่นอินเทอร์เน็ต รับ-ส่งอีเมล หรือพิมพ์งานด้วยโปรแกรมเวิร์ด หรือถ้างานของคุณเกี่ยวกับการตกแต่งภาพถ่าย เล่นเกม ก็อาจเลือกซื้อรุ่น 7200 RPM หรืออาจจะเป็น 10,000 RPM เลยก็ได้ หากทำงานประเภทตัดต่อวิดีโอเป็นหลัก ซึ่งฮาร์ดดิสก์ที่มีความเร็วในการหมุนจานแม่เหล็กสูง และมีขนาดของแคชภายในมากจะช่วยเพิ่มความเร็วในการทำงานให้กับคุณมากยิ่งขึ้น 
 
ขอบคุณโดยการกด --> Like , Tweet หรือ +1 ครับ

วิธีแก้จอฟ้า รหัส 0X000000ED (Unmountable Boot Volume )


 
 อาการที่วินโดว์หาฮาร์ดดิสก์ไม่เจอ (ไม่ใช่ตัวบูตระบบ) ในกรณีที่คุณมีฮาร์ดดิสก์หลายตัว หนึงในนั้น คุณอาจใช้สายแพ ของฮาร์ดดิสก์ผิด เช่น ฮาร์ดดิสก์เป็นแบบ 33MB/secound ซึ่งต้องใช้สายแพ 40 pin แต่คุณเอาแบบ 80 pin ไปต่อแทน
 
ขอบคุณโดยการกด --> Like , Tweet หรือ +1 ครับ

วิธีแก้จอฟ้า รหัส 0X0000007F ( unexpected Kernel Mode Trap )


 
อาการนี้ส่วนใหญ่จะเป็นกับนัก Overclock เป็นอาการ RAM ส่งข้อมูลให้ CPU ไม่สัมพันธ์กันคือ CPU วิ่งเร็วเกินไป หรือร้อนเกินไปสาเหตุเกิดจากการ Overclock วิธีแก้ก็คือลด clock ลงมาให้เป็นปกติ หรือ หาทางระบายความร้อนจาก CPU ให้มากที่สุด
 
ขอบคุณโดยการกด --> Like , Tweet หรือ +1 ครับ

วิธีแก้จอฟ้า รหัส 0X000000EA (Thread Stuck In Device Driver )


 
อาการของ error นี้คือการทำงานของเครื่องจะทำงานในแบบวนซ้ำๆ กันไม่สิ้นสุด เช่นจะรีสตาร์ทตลอด หรือแจ้งerror อะไรก็ได้ขึ้นมาไม่หยุด ปัญหานี้ สาเหตุอาจจะเกิดจาก Bug ของโปรแกรมหรือสาเหตุอื่นๆ เป็นร้อย การแก้ไขให้พยายามทำตามนี้

1.ให้ดูที่ Power supply ของคุณว่าจ่ายกำลังไฟเพียงพอกับความต้องการของคอมคุณ หรือไม่ ให้ดูว่าในเครื่องคุณมีอุปกรณ์มากไป ไม่เหมาะกับ Power supply ของคุณ ก็ให้เปลี่ยนตัวใหม่ให้กำลังมากขึ้น
2. ให้คุณดูที่การ์ดจอว่าได้ใช้ไดร์เวอร์ตัวล่าสุด ถ้าแน่ใจว่าใช้ตัวล่าสุดแล้วยังมีอาการ ก็ให้ทำการ Rollback ไดร์เวอร์ตัวก่อน ที่จะเกิดปัญหา
3. ตรวจดูการ์ดจอ และเมนบอร์ดว่าเสียหรือไม่เช่น มีรอยไหม้, ลายวงจรขาด มีชิ้นส่วนบางชิ้นหลุดจากตำแหน่งเดิม เป็นต้น
4. ดูที่ Bios ว่าส่วนของ VGA slot เลือกโหมด 4x,8x ถูกตามสเปคของการ์ดหรือไม่
5. เช็คดูที่ผู้ผลิดเมนบอร์ดว่ามีไดร์เวอร์ตัวใหม่ หรือไม่ ถ้ามีให้โหลดลงใหม่ซะ
6. ถ้าคุณมีการ์ดแลนหรือเมนบอร์ดของคุณมี on board อยู่ให้ disable ฟังก์ชั่น "PXE Resume/Remote Wake Up" โดยไปปิดที่ BIOS
 
ขอบคุณโดยการกด --> Like , Tweet หรือ +1 ครับ

วิธีแก้จอฟ้า รหัส 0Xc0000221 (Status Image Checksum Mismatch)


 
อาการนี้สาเหตุการจากการผิดพลาด ของการเขียนข้อมูลในแรม การแก้ไขก็ให้ทำความสะอาดขาแรม หรือลองสลับแรมดูหรือไ ม่ก็หาโปรแกรมที่ test แรมมาตรวจว่าแรมเสีย หรือไม่
 
 
ขอบคุณโดยการกด --> Like , Tweet หรือ +1 ครับ

วิธีแก้จอฟ้า รหัส 0X00000050 (Page Fault In Nonpaged Area)



 
อาการนี้สาเหตุการจากการผิดพลาด ของการเขียนข้อมูลในแรม การแก้ไขก็ให้ทำความสะอาดขาแรม หรือลองสลับแรมดูหรือไ ม่ก็หาโปรแกรมที่ test แรมมาตรวจว่าแรมเสีย หรือไม่
 
ขอบคุณโดยการกด --> Like , Tweet หรือ +1 ครับ

วิธีแก้จอฟ้า รหัส 0X00000024 (NTFS File System)


 
  อาการนี้สาเหตุเกิดจากการรายงานผิดพลาดของ Ntfs.sys คือไดร์เวอร์ของ NTFS อ่านและเขียนข้อมูลผิดพลาด สาเหตุนี้รวมถึง การทำงานผิดพลาดของ controller ของ IDE หรือ SCSI เนื่องจากการทำงานของโปรแกรมสแกนไวรัส หรือ พื้นที่ของฮาร์ดดิสก์เสีย คุณๆ สามารถทราบรายละเอียดของerror นี้ได้โดยให้เปิดดูที่ Event Viewer วิธีเปิดก็ให้ไปที่ start > run แล้วพิมพ์คำสั่ง eventvwr.msc เพื่อเปิดดู Log file ของการ error โดยให้ดูการ error ของ SCSI หรือ FASTFAT ในหมวด System หรือ Autochk ในหมวด Application
 
ขอบคุณโดยการกด --> Like , Tweet หรือ +1 ครับ

วิธีแก้จอฟ้า รหัส 0X0000003F (No More System PTEs)


 
 
อาการนี้เกิดจากระบบ Page Table Entries (PTEs) ทำงานโดย Virtual Memory Manager (VMM) ผิดพลาด ทำให้วินโดว์ทำงานโดยไม่มี PTEs ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับวินโดว์ อาการนี้มักจะเกิดกับการที่คุณทำงานแบบ multi monitors
ถ้าคุณเกิดปัญหานี้บ่อยครั้ง คุณสามารถปรับแต่ง PTEs ได้ใหม่ ดังนี้
1. ให้เปิด Registry ขึ้นมาแก้ไข โดยไปที่ Start > Run แล้วพิมพ์คำสั่ง Regedit
2. ไปตามคีย์นี้ HKEY_LOCAL_MACHINESYSTEMCurrentControlSetControlSe ssion ManagerMemory Management
3. ให้ดูที่หน้าต่างขวามือ ดับคลิกที่ PagedPoolSize ให้ใส่ค่าเป็น 0 ที่ Value data และคลิก OK
4. ดับเบิลคลิกที่ SystemPages ถ้าคุณใช้ระบบจอแบบ Multi Monitor ให้ใส่ค่า 36000 ที่ Value data หรือใส่ค่า 40000 ถ้าเครื่องคุณมี RAM 128 MB และค่า 110000 ในกรณีที่เครื่องมี RAM เกินกว่า 128 MB แล้วคลิก OK รีสตาร์ทเครื่อง
 
 
ขอบคุณโดยการกด --> Like , Tweet หรือ +1 ครับ

วิธีแก้จอฟ้า รหัส 0X00000079 (Mismatched Hal)


 
อาการนี้เกิดการทำงานผิดพลาดของ Hardware Abstraction Layer (HAL) มาทำความเข้าใจกับเจ้า HAL ก่อน HAL มีหน้าที่เป็นตัวจัดระบบติดต่อระหว่างฮาร์ดแวร์กับซอฟท์แวร์ว่าแอพพลิเคชั่น ตัวไหนวิ่งกับอุปกรณ์ตัวไหนให ้ถูกต้อง ยกตัวอย่าง คุณมีซอฟท์แวร์ที่ออกแบบไว้ใช้กับ Dual CPU มาใช้กับเมนบอร์ดที่เป็น Single CPU วินโดว์ก็จะไม่ทำงาน วิธีแก้คือ reinstall วินโดว์ใหม่
      สาเหตุอีกประการการคือไฟล์ที่ชื่อ NToskrnl.exe หรือ Hal.dll หมดอายุหรือถูกแก้ไข ให้เอา Backup ไฟล์ หรือเอา original ไฟล์ที่คิดว่าไม่เสียหรือเวอร์ชั่นล่าสุดก๊อปปี้ทับไฟล์ที่เสีย
 
 
ขอบคุณโดยการกด --> Like , Tweet หรือ +1 ครับ

วิธีแก้จอฟ้า รหัส 0X0000001E (Kmode Exception Not Handled )



 
อาการนี้เกิดการทำงานที่ผิดพลาดของไดร์เวอร์ หรือ service กับ หน่วยความจำ และ IRQ ถ้ามีรายชื่อของไฟล์หรือ service แสดงออกมากับ error นี้ให้ทำการ uninstall โปรแกรมหรือทำการ Roll back ไดร์เวอร์ตัวนั้น 
ถ้ามีการแจ้งว่า error ที่ไฟล์ win32k สาเหตุเกิดจาก การ control software ของบริษัทอื่นๆ (Third-party) ที่ไม่ใช้ของวินโดว์ ซึ่งมักจะเกิดกับพวก Networking และ Wireless เป็นส่วนใหญ่
Error นี้อาจจะเกิดสาเหตุอีกอย่าง นั้นคือการ run โปรแกรมต่างๆ แต่หน่วยความจำไม่เพียงพอ
 
 
ขอบคุณโดยการกด --> Like , Tweet หรือ +1 ครับ

วิธีแก้จอฟ้า รหัส 0X00000077 (Kernel Stack Inpage Error สาเหตุและแนวทางแก้ไข)


 
อาการนี้เกิดมีปัญหากับระบบ virtual memory คือวินโดว์ไม่สามารถอ่านหรือเขียนข้อมูลที่ swapfile ได้ สาเหตุอาจเกิดจาก ฮาร์ดดิสก์เกิด bad sector, เครื่องติดไวรัส, ระบบ SCSI ผิดพลาด, RAM เสีย หรือ เมนบอร์ดเสีย
 
ขอบคุณโดยการกด --> Like , Tweet หรือ +1 ครับ

วิธีแก้จอฟ้า รหัส 0X0000007A ( Kernel Data Inpage Error)


  
อาการนี้เกิดมีปัญหากับระบบ virtual memory คือวินโดว์ไม่สามารถอ่านหรือเขียนข้อมูลที่ swapfile ได้ สาเหตุอาจเกิดจาก ฮาร์ดดิสก์เกิด bad sector, เครื่องติดไวรัส, ระบบ SCSI ผิดพลาด, RAM เสีย หรือ เมนบอร์ดเสีย
 
ขอบคุณโดยการกด --> Like , Tweet หรือ +1 ครับ

วิธีแก้จอฟ้า รหัส 0X0000007B (Inaccessible Boot Device)


 
อาการนี้จะมักเจอตอนบูตวินโดว์จะมีข้อความบอกว่าไม่สามารถอ่านข้อมูลของไฟล์ ระบบหรื อ Boot partitions ได้ ให้ตรวจฮาร์ดดิสก์ว่าปกติหรือไม่ สายแพหรือสายไฟที่เข้าฮาร์ดดิสก์หลุดหรือไม่ ถ้าปกติดีก็ให้ตรวจไฟล์ Boot.ini อาจจะเสีย หรือไม่ก็มีการทำงานแบบ Multi OS ให้ตรวจดูว่าที่ไฟล์นี้อาจเขียน Config ของ OS ขัดแย้งกัน
 
ขอบคุณโดยการกด --> Like , Tweet หรือ +1 ครับ

วิธีแก้จอฟ้า(Blue Screen) โปรแกรมแก้ปัญหาคอม i fix computer